รีวิวเรียนนิติศาสตร์ รามคำแหง ภาคพิเศษ ส-อา

รีวิวเรียนนิติราม ภาคพิเศษ ส-อา หลังจากเรียนไป 3 สัปดาห์

การเรียนไม่มีอะไรมาก เหมือนกันเรียนสมัยก่อนทั่วไป ตึกเก่า พื้นปูกระเบื้องยาง สลับหินอ่อนตามสมัยนิยมช่วงปี 2520-2530 เข้าใจว่าหลังๆย้ายไปบางนา เลยไม่ได้ปรับปรุงห้องและอาหารเท่าไรนัก โต๊ะก็โต๊ะยาวไม้แบบสมัยก่อน ไม่มีที่เสียบปลั๊กแบบโต๊ะสมัยใหม่ การเรียนก็เป็นสไลด์บ้าง เป็นปิ้งหนังสือบ้าง ปริ้นสไลด์มาปิ้งบ้าง ส่วนคนเรียนช่วงแรกๆใช้ ipad เยอะ แต่หลังๆมาเริ่มเปลี่ยนเป็นสมุดจด อาจเพราะไม่มีที่ซ๊าต + ข้อสอบเป็นอัตนัยทั้งหมด ทำให้การเขียนทำให้คุ้นชินกับการทำข้อสอบได้มากกว่า การสอบก็เรียนจบ 1 วิชา เสร็จแล้วก็สอบเลย ไล่ไปเรื่อยๆทีละวิชา

ในส่วนของ profile ของคนที่มาเรียนนั้นน่าสนใจกว่า เพราะราวๆ 20-30% เป็นเด็กอายุไม่เกิน 20 อายุน้อยสุดพึ่งจะ 16 (สอบ GED แล้วมาต่อ ป.ตรีเลย) กลุ่มนี้แบ่งเป็นได้ 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ

  1. ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย เลยเลือกเรียน ส-อา
  2. เรียน ป.ตรี ควบกับมหาลัยอื่น แล้วมาเรียนที่รามเพิ่มเพื่อเอา 2 ใบ

เด็กรุ่นนี้น่าสนใจ เพราะหลายคนไม่เรียน ม.ปลาย พึ่งรู้เหมือนกันว่า เดี๋ยวนี้ระบบการศึกษาเปิดให้เรียนออนไลน์ที่บ้านได้มากขึ้น รวมถึงมีคนเรียนแบบ home school เยอะกว่าสมัยเรามาก โดยรวมเด็กรุ่นนี้วางแผนชีวิตกันมาดีเช่นคนที่เรียน home school ก็จะมองว่า ก็ต้องเรียนพิเศษอยู่แล้ว ทำไมต้องไปเรียนที่โรงเรียนอีก สู้ลง pre-degree ควบกับสอบ GED ไปด้วยเลยดีกว่า พวกนี้รู้สึกว่าการมีปริญญาใบเดียวไม่พอ หรือมองว่าการทำงานไปด้วยสำคัญกว่าเรียนอย่างเดียว

แต่คนที่เรียน ม.ปลาย ก็มีนะ แต่คนที่เรียนคือจะมองว่าเค้ามีเพื่อน ม.ปลายที่ดี เลยอยาก keep สังคม ม.ปลายไว้ แต่คนที่ไม่เรียนก็มองว่า connection ม.ปลาย ก็ไม่ได้ดีเท่าไร เสียเวลา หาเอาที่อื่นดีกว่า (แต่เอาจริงๆก็อดคิดไม่ได้ว่า เด็กมันมีประสบการณ์มากพอจะมองออกว่าคุณภาพของเพื่อนหรือสังคมจะดีหรือแย่ตั้งแต่ ม.4 แล้วหรอ)

น่าดีใจว่า สิ่งพวกนี้เป็นสิ่งที่คนรุ่นเราคิดกันตั้งแต่สมัยเรียน แต่ทำไม่ได้ (หรือทำได้ แต่ทำยากกว่าสมัยนี้เยอะ) พอเด็กรุ่นนี้ที่เป็นลูกของ gen Y ตอนต้น gen X ตอนปลาย ก็มาทำสิ่งนี้ให้เป็นจริง

ส่วนที่เหลือ จะเป็นกลุ่มที่ทำงานแล้ว กลุ่มนี้ส่วนมากอยู่ใน middle class ของชนชั้นทางสังคม และครึ่งนึงคือเป็นกลุ่มที่ขาดโอกาสมาก่อน แต่ fight จนมาอยู่ในระดับ middle class ได้สำเร็จ (มีกลุ่ม elite แค่ประมาณ 1% ของ class) กลุ่มนี้มีตั้งแต่อายุ 20 ไปจนถึง 50 กว่า และส่วนใหญ่อยู่ในสายงานราชการ โดย

  1. ประมาณ 20% เป็นตำรวจ
  2. กลุ่มที่พยายามอัพระดับตัวเอง เช่น บรรจุเป็น ขรก. อยู่แล้ว แต่เลื่อนระดับไม่ได้ เพราะวุฒิไม่ตรง เลยพยายามสอบชิงทุนของหน่วยงานได้ พอสอบได้เลยมาเรียนต่อ
  3. ส่วนใหญ่ทำงานในแวดวงฝ่ายกฎหมายและปกครอง เช่น ปปส ปปช กกต พระธรรมนูญศาลยุติธรรม มีองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นบ้าง แต่น้อยกว่าที่คิด

โดยรวมโปรไฟล์อาจไม่ได้อยู่กลุ่ม A แต่ว่าเป็นพวกหิว อยากพัฒนาตัวเอง อยากจะอัพระดับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง รู้สึกได้ถึงความเป็นนักสู้ของแต่ละคน

ที่น่าสนใจอีกจุดนึงในกลุ่มที่ทำงานแล้วคือเกิน 70% มีปริญญามาแล้ว 2 ใบ และราวๆ 50% จบ ป.โท มาแล้วด้วย ถือว่านี่ที่มีวุฒิ ป.ตรี อย่างเดียว เป็นวุฒิต่ำๆใน class เลย แสดงว่าคนที่มาเรียน รักการเรียนกันพอสมควร เพราะเรียนกันมาเยอะจริงๆ 55555+ และวุฒิโทที่จบกันเยอะสุดคือ รัฐศาสตร์ รองลงมาคือบริหาร

ดังนั้นพอเห็นเทรนในอนาคตว่า ความเชี่ยวชาญในศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งและความรู้กว้างๆในสาขาอื่นๆ เป็น T shape อาจจะไม่พออีกแล้ว อาจต้องมีความเชี่ยวชาญใน 2 ศาสตร์ เป็น V shape Y shape U shape

อีกจุดนึงที่น่าสนใจ ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะรามคำแหง ภาคปกติพึ่งเปิดเทอมเมื่อวันที่ 2 กค. ที่ผ่านมา ซึ่งภาคพิเศษเปิดก่อนหน้านั้น แต่ตอนที่มีแต่ภาคพิเศษเรียน โรงอาหารค่อนข้างเงียบ ไม่มีคน แต่หลังจากภาคปกติเปิดเรียนได้เพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น โต๊ะเก้าอี้ใต้ตึกกลับเนืองแน่นไปด้วย นศ. ที่มาอ่านหนังสือในวันอาทิตย์ (ดังรูป) ทำให้อดคิดเปรียบเทียบกับตึกส้มของคณะเภสัชตอนสมัยที่ตัวเองเป็นนักศึกษาไม่ได้ เพราะตอนนั้น การจะได้เห็นคนมาอ่านหนังสือกันแน่นๆ ก็ต้องหลังเดือนแรกของการเปิดเทอมไปแล้ว

ที่น่าสังเกตุอีกอย่างคือเด็กภาคปกติ มักจะอ่านชีสสรุป แล้วนั่งติวกันเป็นกลุ่มๆ ในขณะที่ภาคพิเศษ มักจะอ่านจากที่ตัวเองจดสรุป แล้วไปหาซื้อหนังสือจากศูนย์หนังสือมาอ่านเสริม แล้วอ่านแบบตัวใครตัวมัน แต่จะเอาเนื้อหาของตัวเองมาแชร์กับเพื่อนในไลน์กลุ่มแทน

อ๋อ ในส่วนของภาคพิเศษ ไม่มี e-learning ไม่มี zoom ไม่มีเรียนย้อนหลังให้ แต่ภาคปกติจะมี e-learning ให้ แต่เฉพาะช่วงปี 1-2 ของการเรียน


Share this:

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *